เรื่อง Set and String
โครงสร้างข้อมูลแบบเซ็ต
เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ข้อมูลแต่ละตัวไม่มี ความสัมพันธ์กัน ในภาษาซี จะไม่มีประเภทข้อมูลแบบเซ็ตนี้เหมือนกับใน ภาษา ปาสคาล แต่สามารถใช้หลักการของการดำเนินงาน แบบเซ็ตมาใช้ได้ ตัวดำเนินการของเซ็ต (Set operators) ประกอบด้วย
- set intersection
- set union
- set difference เป็นต้น
โครงสร้างข้อมูลแบบสตริง
สตริง (String) หรือ สตริงของอักขระ (Character String) เป็นข้อมูลที่ประกอบไปด้วย ตัวอักษร ตัวเลขหรือ เครื่อง หมายเรียงติดต่อกันไป รวมทั้งช่องว่าง
สตริงกับอะเรย์
สตริง คือ อะเรย์ของอักขระ เช่น char a[6] อาจจะเป็นอะเรย์ ขนาด 6 ช่องอักขระ หรือ เป็นสตริงขนาด 5 อักขระก็ได้ โดย จุดสิ้นสุดของ string จะจบด้วย \0 หรือ null character เช่น char a[ ]={‘H’, ‘E’, ‘L’, ‘L’, ‘O’, ‘\0’}; char a[ ]=“HELLO”;
การกำหนดสตริง
การกำหนดสตริงทำได้หลายแบบ คือ
1. กำหนดเป็นสตริงที่มีค่าคงตัว (String Constants)
2. กำหนดโดยใช้ตัวแปรอะเรย์หรือพอยเตอร์
โครงสร้างข้อมูลแบบเซ็ต
เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ข้อมูลแต่ละตัวไม่มี ความสัมพันธ์กัน ในภาษาซี จะไม่มีประเภทข้อมูลแบบเซ็ตนี้เหมือนกับใน ภาษา ปาสคาล แต่สามารถใช้หลักการของการดำเนินงาน แบบเซ็ตมาใช้ได้ ตัวดำเนินการของเซ็ต (Set operators) ประกอบด้วย
- set intersection
- set union
- set difference เป็นต้น
โครงสร้างข้อมูลแบบสตริง
สตริง (String) หรือ สตริงของอักขระ (Character String) เป็นข้อมูลที่ประกอบไปด้วย ตัวอักษร ตัวเลขหรือ เครื่อง หมายเรียงติดต่อกันไป รวมทั้งช่องว่าง
สตริงกับอะเรย์
สตริง คือ อะเรย์ของอักขระ เช่น char a[6] อาจจะเป็นอะเรย์ ขนาด 6 ช่องอักขระ หรือ เป็นสตริงขนาด 5 อักขระก็ได้ โดย จุดสิ้นสุดของ string จะจบด้วย \0 หรือ null character เช่น char a[ ]={‘H’, ‘E’, ‘L’, ‘L’, ‘O’, ‘\0’}; char a[ ]=“HELLO”;
การกำหนดสตริง
การกำหนดสตริงทำได้หลายแบบ คือ
1. กำหนดเป็นสตริงที่มีค่าคงตัว (String Constants)
2. กำหนดโดยใช้ตัวแปรอะเรย์หรือพอยเตอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น